This is default featured slide 1 title
Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.
This is default featured slide 2 title
Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.
This is default featured slide 3 title
Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.
This is default featured slide 4 title
Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.
This is default featured slide 5 title
Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.
วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
Lecture

⌛ การออกเเบบหน้าเว็บไซต์
หลักสำคัญในการออกเเบบหน้าเว็บไซต์ คือ การใช้รูปภาพเเละองค์ประกอบต่างๆ ร่วมกันเพื่อสื่อความหมายเกี่ยวกับเนื้อหาหรือลักษณะสำคัญของเว็บให้น่าสนใจ บนพื้นฐานของความเรียบง่ายเเละสะดวกของผู้ใช้
⌛เเนวคิดในการออกเเบบหน้าเว็บ
➪เรียนรู้จากเว็บไซต์ต่างๆ
➪ประยุกต์รูปแบบจากสื่อพิมพ์ ใช้เเบบจำลองเปรียบเทียบ (Metaphor)
➪ออกแบบอย่างสร้างสรรค์
· ⌛ใช้เเบบจำลองเปรียบเทียบ (Metaphor)
การใช้เเบบจำลองเปรียบเทียบ คือการใช้สิ่งที่คุ้นเคในการอธิบายถึงสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น
รูปภาพจาก สิ่งพิมพ์หรือรูปแบบของร้านขายของ สิ่งสำคัญ คือ รูปแบบที่เลือกมาใช้ต้องมีลักษณะ
ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย เข้าใจง่าย สนับสนุนเเนวคิดเเละส่งเสริมกระบวนการสื่อสารของเว็บ
ลักษณะต่างๆ ของเเบบจำลองการใช้เเบบจำลองมีด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้
1. จำลองเเบบการจัดระบบ (Organizational metaphor) คือใช้ประโยชน์จากความคุ้นเคยของ
การจัดระบบที่คุ้นเคย เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงโครงสร้างในระบบใหม่ได้ง่ายขึ้น
2. จำลองการใช้งาน (Functional metaphor)
คือเชื่อมโยงการใช้งานที่สามารถทำได้ในชีวิตจริงกับการใช้งานเว็บ เช่น เว็บโรงภาพยนต์
3. จำลองลักษณะที่มองเห็น (Visual metaphor)
คือวิธีนี้จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มีลัษณะที่คุ้นเคยของคนทั่วไป
· ⌛หลักการออกเเบบหน้าเว็บ
1. สร้างลำดับชั้นความสำคัญขององค์ประกอบจัดตำเเหน่งเเละลำดับขององค์ประกอบ เเสดงลำดับความสำคัญของข้อมูลที่ต้องการให้ผู้ใช้ได้รับเนื่องจากภาษาส่วนใหญ่จะอ่านจากซ้ายไปขวา เเละจากบน ลงล่าง จึงควรจัดวางสิ่งที่สำคัญไว้ที่ส่วนบนหรือด้านซ้ายของหน้าอยู่เสมอ
2. สร้างรูปแบบ บุคลิกเเละสไตล์รูปแแบบ การเลือกรูปแบบเว็บที่เหมาะสมจะช่วยสร้างความเข้าใจของผู็ใช้ได้ดีขึ้นบุคลิก เว็บเเต่ละประเภทอาจมีบุคลิกลักษณะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเนื้อหาเเละเป้าหมายในการนำเสนอสไตล์คือ ลักษณะการจัดโครงสร้างของหน้า ณุปแบบกราฟิก ชนิดเเละการจัดตัวอักษร ชุดสีที่ใช้ รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งไม่ควรสร้างตามใจชอบ
3. สร้างความสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งไซต์ความสม่ำเสมอของโครงสร้างเว็บเเละระบบเนวิเกชั่น ทำให้รู้สึกคุ้นเคยเเละสามารถคาดการณ์ลักษณะของเว็บได้ล่วงหน้า ทางด้านเทคนิดสามารถใช้ css กำหนดได้เพื่อให้เป็นมารตฐานเดียวกัน
4. จัดวางองค์ประกอบที่สำคัญไว้ในส่วนบนของหน้าเสมอควรประกอบด้วย
1.ชื่อของเว็บ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รู้ทันทีว่ากำลังอยู่ในเว็บอะไร
2.ชื่อหัวเรื่อง
3.สิ่งสำคัญที่เราต้องการโปรโมตเว็บ
4.ระบบเนวิเกชั่น
5.สร้างจุดสนใจด้วยความเเตกต่างการจัดองค์ประกอบให้ภาพรวมของหน้ามีความเเตกต่างเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำสายตาผู้อ่านไปยังบริเวณต่างๆ โดยการใช้สีที่ตัดกัน
6. จัดเเต่งหน้าเว็บให้เป็นระเบียบ เนื้อหาในหน้าเว็บจำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบที่ดูง่ายเเยกเป็นสัดส่วน เเละดูไม่เเน่นจนเกินไป
7.ใช้กราฟฟิกอย่างเหมาะสม ควรใช้กราฟิกที่เป็นไอคอนปุ่ม ลายเส้น เเละสิ่งอื่นๆ ตามความเหมาะสมเเละไม่มากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงโครงสร้างที่หยุ่งเหยิงเเละไม่เป็นระเบียบ ส่วนตัวอักษรขนาดใหญ่ด้วยคำสั่ง h1 เเละ h2 ควรใช้ในปริมาณน้อยๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
⌛การออกเเบบหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะกับสิ่งแวดล้อม
ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการท่องเว็บไซต์
1. เบราเซอร์ที่ใช้
· เบราเซอร์ คือ โปรแกรที่ใช้เรียกดูเว็บ สามารถแสดงได้ทั้งตัวอักษรรูปภาพ และภาพเคลื่อนไหว เบราเซอร์ที่ได้ความนิยม เช่น Google Chrome, IE, Opera มาตรฐานกลางของเบราเซอร์ คือ W3C
· เป็นองค์กรที่กำหนดคุณสมบัติของเบราเซอร์ เราควรออกแบบตามคุณสมบัติดังนี้
1. สามารถใช้ได้กลับเบราเซอร์ได้ทุกรุ่น
2. เว็บไซต์สำหรับเบราเซอร์รุ่นล่าสุด
3. เว็บไซต์ตามความสามารถของเบราเซอร์
4. เว็บไซต์ที่มีหลายรูปแบบ
2. ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์
เป็นระบบที่เป็นปัจจัยหลักต่อ มีผลต่อการทำง่านของเบราเซอร์มาก โดยแต่ละระบบปฏิบัติการจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของชนิดและรุ่นของเบราเซอร์ที่ใช้ได้ระดับความละเอียดของหน้าจอ ชุดสีของระบบ และชนิดของตัวอักษรที่มาพร้อมกับระบบ
3. ความละเอียดของหน้าจอ
ความละเอียดของหน้าจอ (monitor resolution) มีหน่วยเป้น pixel ความละเอียดของหน้าจอไม่ขึ้นกับขนาดของมอนิเตอร์ที่ใช้ แต่จะขึ้นกับประสิทธิภาพของการ์ดแสดงผลว่าสามารถทำได้ได้ละเอีวดแค่ไหนการออกแบบหน้าจอผู้ใช้ส่วนใหญ่จะชอบหน้าเว็บที่เปิดมาแล้วสมบูรณ์
4. จำนวนสีที่จอของผู้ใช้สามารถแสดงได้
มอนิเตอร์มีความสามารถให้การแสดงสีแตกต่างก่อน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการ์ดจอ จำนวนหน่วยความจำในการ์ดจอมากขึ้นจะทำให้สามารถแสดงสีได้มากขึ้น จำนวนสีที่การ์ดจอสามารถแสดงได้นั้น ขึ้นอยู่กับค่าความละเอียดของสีที่เรียกว่า bit depth and color depth ซึ่งก็คือจำนวนบิตที่ใช้ในการเก็บข้อมูลแค่ละพิกเซลชุดสีสำหรับเว็บ (Web palette) หมายถึง ชุดสีจำนวน 216 สีที่มีอยู่เหมือนกันในระบบปฏิบัติการ Windows and Mac
5. ชนิดของตัวอักษรที่มีอยู่ในเครื่อง
ชนิดของตัวอักษรมี 2 แบบ
· MS Sans Serif VS Microsoft Sans Serif
· MS Sans Serif เป็นฟอนต์แบบชิตแมท ซึ่งออกแบบขึ้นจากจุดของพิกเซล โดยมีการออกแบบแต่ละตัวอักษรไว้เป็นขนาดที่แน่นอน Microsoft Sans Serif เป็นฟอนด์ที่มีโครงสร้างของอักขระเป็นแบบเวคเตอร์หรือลายเส้น โอยมีกรออกแบบเอาท์ไลน์ไว้เพียงแบบเดียวแต่สามารถปรับขนาดได้อย่างไม่จำกัดตัวอักษรแบบกราฟิก(Graphic Text)
6. ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
⌛ การเลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์
1.เลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์
· สีสันในเว็บเพจเป็นสิ่งสำคัญมากในการดึงดูดความสนในของผู้ใช้
· สามารถเลือกใช้สีได้กับทุกองค์ประกอบของเว็บเพจ
· ใช้สีพื้นหลังใกล้เคียงกับสีตัวอักษร อาจสร้างความลำบากในการอ่าน
· ใช้สีมากเกินความจำเป็นอาจสร้างความสับสนให้กับผู้อ่านได้
· การใช้สีกลมกลืนกันช่วยให้เว็บไซต์น่าดูน่าชมมากขึ้น
2.ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์
· สามารถชักนำสายตาผู้อ่านให้ไปยังทุกบริเวณในหน้าเว็บเพจที่เราต้องการได้
· สีช่วยเชื่อมโยงบริเวณที่ได้รับการออกแบบเข้าด้วยกัน
· ใช้ในการดึงดูดความสนในของผู้อ่าน
· สร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บเพจได้
· ช่วยสร้างความเป็นระเบียบให้กับข้อความต่าง ๆ ได้
· ส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานได้
3.การผสมสี (Color Mixing)
· การผสมสีแบบบวก (Additive mixing) จะเป็นรูปแบบการผสมของแสง ไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ
· การผสมสีแบบลบ (Subtraction mixing) จะไม่เกี่ยวข้องกับแสงแต่จะเกี่ยวข้องกับการดูดกลืนและสะท้อน แสงของวัตถุต่าง ๆ
· การนำไปใช้งาน
· การผสมแบบบวก จะนำไปใช้ในสื่อใด ๆ ที่ใช้แสงส่องออกมา เช่น จอโปรเจ็คเตอร์ ทีวี
· การผสมแบบลบ จะนำไปใช้ในสื่อที่เกี่ยวข้องกับการใช้วัตถุมีสี เช่นภาพวาดของศิลปิน รูปปั้น
4.วงล้อของสี (Color Wheel)
· เป็นรูปแบบการจัดลำดับเฉดสีอย่างมีเหตุผลและก็ง่ายต่อการนำไปใช้งาน จะมี 2 แบบ คือ วงล้อสีแบบลบ กับ วงล้อสีแบบบวก
· สีที่เป็นกลาง(Neutral Color) สีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในวงล้อสี เพราะเป็นสีที่ไม่ได้รับอิทธิพลมากกว่าสีอื่น คือ สีเทา สีขาวสีดำ สีอ่อน สีเข้ม และโทนสี(Tint Shade and Tone)
5.การผสมสีกลางเข้ากับสีบริสุทธิ์
· จะเกิดเป็นสีต่าง ๆ เช่น สีบริสุทธิ์ผสมกับสีขาว จะได้เป็นสีอ่อน , สีบริสุทธิ์ ผสมกับสีเทา จะได้โทนสีระดับต่าง ๆ , สีบริสุทธิ์ผสมกับสีดำ จะได้เป็นสีเข้ม สีอ่อน สีเข้ม และโทนสี จะช่วยทำให้สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกได้หลายแบบ
6.ความกลมกลืนของสี (Color Harmony)
· การใช้สีที่จืดชืดเกินไป จะทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าเบื่อ และไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้
· การใช้สีมากเกินไป ก็จะดูวุ่นวาย ขาดระเบียบ และอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ชม
7.รูปแบบชุดสีพื้นฐาน
· ชุดสีร้อน (Warm Color Scheme) จะสร้างความรู้สึกอบอุ่นสบาย และรู้สึกต้อนรับแก่ผู้ชม
· ชุดสีเย็น(Cool Color Scheme) จะทำให้รู้สึกเย็นสบาย ดูสุภาพ เรียบร้อย และตามหลักจิตวิทยาจะทำให้ดูเศร้า
· ชุดสีแบบเดียว(Monochromatic Color Scheme) เป็นรูปแบบสีที่ง่ายที่สุด จะทำให้ขาดความสนใจจากผู้ชม
· ชุดสีแบบสามเส้า(Tricia Color Scheme) เป็นชุดสีที่อยู่ที่มุมของสามเหลี่ยมด้านเท่าทั้งสาม จะทำให้รู้สึกว่า หน้าเว็บดูมีชีวิตชีวา
· ชุดสีคลายคลึงกัน(Analogous Color Scheme) ประกอบด้วยสี 2 หรือ 3 สีที่อยู่ติดกันในวงล้อ เช่น โทน ส้ม- เหลือง จะให้บรรยากาศต้อนรับและความอบอุ่น
· ชุดสีตรงข้าม(Com;commentary Color Scheme) เช่นเว็บไซต์ที่ใช้สีน้ำเงินและส้มเป็นสีหลัก ซึ่งจะเป็นคู่สีที่ ตรงข้ามที่ตัดกันอย่างสะดุดตา
· ชุดสีตรงข้ามข้างเคียง(Split Complementary Color Scheme) เป็นชุดสีที่เปลี่ยนแปลงมาจากชุดสีตรงข้าม
· ชุดสีตรงข้ามข้างเคียงทั้ง 2 ด้าน (Double Split Complementary Color Scheme) จะมีความหลากหลายของสีมากขึ้น แต่จะสร้างความสดใสและความกลมกลืนของสีที่ลดลง ผลทางจิตวิทยาที่มีต่อสี (Color Psychology) มนุยษ์เราจะตอบสนองต่อสีด้วยจิตใจ ไม่ใช่สมอง
8.สีกับอารมณ์ ความรู้สึก และความสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ
· สีแดง คือ ความมีพลัง อำนาจ ความรัก ความอบอุ่น
· สีน้ำเงิน คือ ความซื่อสัตย์ ความมั่นคง ความปลอดภัย
· สีเขียว คือธรรมชาติ ความอบอุ่น การเริ่มต้นใหม่
· สีเหลือง คือ ความสดใส่ ร่าเริง การมองโลกในแง่ดี
· สีน้ำตาล คือ ความสะดวกสบาย ความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ
· สีขาว คือ ความบริสุทธิ์ ความไร้เรียงสา ความฉลาด